วันที่ 15 กรกฎาคม 2552 นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธานว่า ที่ประชุมเห็นชอบ มาตรการส่งเสริมการลงทุนเป็นพิเศษ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่กำหนดให้จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเขตส่งเสริมการลงทุน ที่ได้รับสิทธิและประโยชน์มากกว่าพื้นที่อื่น เพื่อให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ในการช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และรองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
โดยที่ประชุมเห็นชอบให้มีการปรับปรุงมาตรการเดิม 4 เรื่อง คือ
1. จากเดิมที่ให้ส่งเสริมกิจการเกษตรและผลผลิตทางการเกษตร ปรับปรุงใหม่เป็น ให้ทุกประเภทกิจการที่อยู่ในข่ายได้รับการส่งเสริมการลงทุน ได้รับสิทธิและประโยชน์ตามมาตรการนี้ ได้แก่
ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี ยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร ลดหย่อนภาษีเงิน ได้นิติบุคคลกึ่งหนึ่งไม่เกิน 5 ปี หักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และประปา 2 เท่า และหักเงินที่ใช้ในการติดตั้งหรือก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก จากกำไรไม่เกิน 25% ของเงินลงทุน
2. ขยายเวลาให้กิจการนิคมอุตสาหกรรม หรือเขตอุตสาหกรรมและกิจการที่ตั้งในนิคมอุตสาหกรรม หรือเขตอุตสาหกรรมใน 3 จังหวัดภาคใต้ สามารถรวมโครงการแรกเข้ากับโครงการขยาย ซึ่งจะทำให้ ระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลของโครงการแรกยาวนานขึ้น จากเดิมมาตรการดังกล่าว กำหนดให้โครงการแรกยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2550 แก้ไขเป็น ให้สิ้นสุดภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555
3. ขยายเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนเป็นกรณีพิเศษ ใน 3 จังหวัดภาคใต้ จากเดิมกำหนดให้ผู้ประกอบการ จะต้องยื่นคำขอรับการส่งเสริมโครงการใหม่ภายใน วันที่ 31 ธันวาคม 2552 เป็น ให้สิ้นสุดภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555
เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่ดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้หรือไม่ เพิ่มการลงทุนในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งจะทำให้ได้รับสิทธิและประโยชน์มากกว่าเกณฑ์ปกติ ทั้งโครงการเดิมที่ทำอยู่แล้วและโครงการใหม่ และ
4. สำหรับการหักค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าขนส่ง ซึ่งปกติจะอนุญาตให้หักได้เป็นเวลา 10 ปี ก็ ขยายให้เป็นเวลา 15 ปี เพื่อจูงใจให้มากเป็นพิเศษ
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ