คณะรัฐมนตรีเห็นชอบคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7 % ต่อไป

สืบเนื่องจากประมวลรัษฎากร มาตรา 80 ได้กำหนดให้จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 10 ซึ่ง รัฐบาลอาจลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มลงได้โดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ทั้งนี้ตามมาตรา 80 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร              

ในปัจจุบัน พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 465) พ.ศ. 2550  มาตรา 4 ได้กำหนดให้ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร โดยให้จัดเก็บในอัตรา ดังนี้
                    (1) ร้อยละ 6.3  ( เมื่อรวมกับการจัดเก็บรายได้ส่วนท้องถิ่นในอัตรา 1 ใน 9 ส่วนของอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว จะเท่ากับร้อยละ 7 )  สำหรับการขายสินค้า การให้บริการหรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2551
                    (2) ร้อยละ 9  ( เมื่อรวมกับการจัดเก็บรายได้ส่วนท้องถิ่นในอัตรา 1 ใน 9 ส่วนของอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว จะเท่ากับร้อยละ 10 )  สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือ การนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป                
               

ซึ่งตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ หมายความว่ารัฐจะจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7  ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2551 และจะจัดเก็บในอัตราร้อยละ 10 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป               

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2551  ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไว้ที่ 7% ต่อไปอีก 2 ปี โดยจะขยายไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2553 จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2551   แต่ในขณะนี้ยังไม่มีการออกเป็นพระราชกฤษฎีกามาแต่อย่างใด               

หากมีความคืบหน้าใด ๆ กองบรรณาธิการจะแจ้งให้ทราบต่อไป