จดหมายข่าวภาษีสำนักกฎหมายธรรมนิติ
DLO’S Tax Newsletter
ฉบับที่ 63 เดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคม 2559
กฎหมายใหม่ล่าสุด
คงอัตราภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดา
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 600) พ.ศ. 2559 ให้คงอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ที่ได้รับในปี 2559 ดังต่อไปนี้
เงินได้สุทธิ | อัตราภาษี |
ไม่เกิน 300,000 บาท | ร้อยละ 5 |
300,001 – 500,000 บาท | ร้อยละ 10 |
500,001 – 750,000 บาท | ร้อยละ 15 |
750,001 – 1,000,000 บาท | ร้อยละ 20 |
1,000,001 – 2,000,000 บาท | ร้อยละ 25 |
2,000,001 – 4,000,000 บาท | ร้อยละ 30 |
4,000,001 บาท ขึ้นไป | ร้อยละ 35 |
ทั้งนี้ เงินได้สุทธิ 150,000 บาทแรก ยังคงได้รับยกเว้นภาษีตั้งแต่ปี 2551 ตามพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 470) พ.ศ. 2551 เฉพาะกรณีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 48 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
ติดตามรายละเอียดได้จาก http://goo.gl/bp0iEr, https://www.dlo.co.th/node/891 และ https://www.dlo.co.th/node/894
สิทธิประโยชน์ทางภาษีกรณีผู้ลงทุนเปลี่ยนแปลงหน่วยลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นใบทรัสต์
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 599) พ.ศ.2559 ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกรณีผู้ลงทุนเปลี่ยนแปลงหน่วยลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นใบทรัสต์ ดังนี้
1. ให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ สำหรับเงินได้ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นใบทรัสต์ อันเนื่องมาจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
2. ให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สำหรับมูลค่าฐานภาษี รายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้น เนื่องมาจากการแปลงสภาพเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่พระราชกฤษฎีกากำหนดและใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559
ติดตามรายละเอียดได้จาก http://goo.gl/lyFLrx
สิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายจ่ายเพื่อทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 598) พ.ศ. 2559 ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจ่ายเงินเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดังนี้
1. ให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่ายที่จ่ายเพื่อทำการวิจัยฯให้แก่หน่วยงานของรัฐหรือเอกชนตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด
2. ให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นจากข้อ 1. อีก 1 เท่า (รวมเป็น 3 เท่า) ของรายจ่ายที่จ่ายเพื่อทำการวิจัยฯตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ทั้งนี้ เมื่อรวมรายจ่ายส่วนที่เป็น 2 เท่าและ 3 เท่า ต้องไม่เกินอัตราส่วนของรายได้ของกิจการในรอบบัญชีเดียวกัน ดังนี้
2.1 ค่าวิจัยฯต้องไม่เกิน 60% ของรายได้ส่วนที่ไม่เกิน 50 ล้านบาท
2.2 ค่าวิจัยฯต้องไม่เกิน 9 % ของรายได้ส่วนที่เกิน 50 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 200 ล้านบาท
2.3 ค่าวิจัยฯต้องไม่เกิน 6% ของรายได้ส่วนที่เกิน 200 ล้านบาท
3. ผู้ใช้สิทธิยกเว้นต้องไม่นำรายจ่ายดังกล่าวไปใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
ติดตามรายละเอียดได้จาก http://goo.gl/lyFLrx และ https://www.dlo.co.th/node/895
สิทธิที่ประโยชน์ทางภาษีของบริษัทซึ่งประกอบกิจการร่วมลงทุนและทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ออกพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 597) พ.ศ.2559 ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทซึ่งประกอบกิจการเงินร่วมลงทุนจากการลงทุนในบริษัทที่ประกอบกิจการที่รัฐต้องการสนับสนุน (บริษัทเป้าหมาย) เป็นเวลา 10 รอบระยะเวลาบัญชี ดังนี้
1. ได้รับยกเว้นภาษีจากเงินปันผลที่ได้รับจากบริษัทเป้าหมาย
2. ได้รับยกเว้นภาษีจากกำไรจากการโอนหุ้นของบริษัทเป้าหมาย โดยบริษัทเป้าหมายต้องประกอบกิจการที่รัฐต้องการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องซึ่งสร้างมูลค่าเพิ่มและก่อให้เกิดรายได้ไม่น้อยกว่า 80% ของรายได้ทั้งหมดในรอบระยะเวลาบัญชีก่อนที่บริษัทซึ่งประกอบกิจการเงินร่วมทุนได้รับรายได้จากการโอนหุ้น
นอกจากนี้ บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ถือหุ้นในบริษัทซึ่งประกอบกิจการร่วมลงทุนหรือถือหน่วยทรัสต์ในทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนก็ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในลักษณะเดียวกับที่กล่าวข้างต้นด้วยเช่นกันและยังได้รับสิทธิยกเว้นรายได้จากการที่บริษัทซึ่งประกอบกิจการเงินร่วมทุนหรือทรัสต์เลิกกันตามสัดส่วนซึ่งตีราคาเงินได้เกินกว่าเงินทุน
ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่พระราชกฤษฎีกากำหนดและให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559 เป็นต้นไป
ติดตามรายละเอียดได้จาก http://goo.gl/BWrmHK
สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคเพื่อการสนับสนุนทางกีฬา
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 596) พ.ศ.2559 ขยายเวลาให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและเพิ่มความชัดเจนเกี่ยวกับเงื่อนไขสำหรับการบริจาคให้แก่หน่วยงานทางการกีฬา เช่น การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัด สมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย” เป็นต้น ดังนี้
1. ให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนจำนวน 2 เท่า ของจำนวนเงินที่บริจาคแต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
2. ให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่ายที่บริจาค ไม่ว่าจะได้จ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายสนับสนุนการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการเห็นชอบและรายจ่ายจัดสร้างสนามเด็กเล่น ฯลฯ ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้สุทธิก่อนหักรายจ่ายการกุศลและการกีฬา
3. ให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน การขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาค
ทั้งนี้ ต้องเป็นการบริจาคตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2561 และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่พระราชกฤษฎีกากำหนด
ติดตามรายละเอียดได้จาก http://goo.gl/VX7SZg
ยกเลิกการยกเว้นภาษีสำหรับเงินได้พึงประเมินบางประเภท
รมว.คลังออกกฎกระทรวงฉบับที่ 312 (พ.ศ.2559) ยกเลิกการยกเว้นเงินได้พึงประเมินจากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ให้แก่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายโดยไม่มีค่าตอบแทน
ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับกับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 เป็นต้นไป
ติดตามรายละเอียดได้จาก http://goo.gl/KdDNDb และ https://goo.gl/2Qerff
กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเพิ่มเติมตามกฎหมายภาษีการรับมรดก
ตามที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติออกพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ.2558 นั้น ต่อมาได้มีการออกกฎหมายกำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติม ดังนี้
1. กฎกระทรวงกำหนดประเภททรัพย์สินที่อยู่ในไทยซึ่งต้องเสียภาษีการรับมรดก
2. กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การหักภาระที่ถูกรอนสิทธิเพื่อคำนวณมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมรดก
3. กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณมูลค่าของทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีการรับมรดก
4. ประกาศกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์เรื่อง อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยกรณีได้รับมรดกที่มีมูลค่าเป็นเงินตราต่างประเทศ
5. ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเรื่องกำหนดแบบแสดงรายการภาษีการรับมรดก (ภ.ม.60)
6. ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเรื่องกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อการขอคืนภาษีการรับมรดก
7. ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเรื่องกำหนดแบบคำอุทธรณ์และสถานที่ยื่นคำอุทธรณ์การประเมินภาษีการรับมรดก
ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 เป็นต้นไป
ติดตามรายละเอียดได้จาก http://goo.gl/11pfmT, http://goo.gl/3tBPs7, http://goo.gl/3Jz6iW, http://goo.gl/E62GlK, http://goo.gl/CgFqcZ, http://goo.gl/ime1FQ และ http://goo.gl/o52R3n
ข่าวภาษี
สนช.รับหลักการร่างกฎหมายลดอัตราภาษีนิติบุคคล
ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติรับร่างพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรเรื่อง การลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากร้อยละ 30 เหลืออัตราร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิโดยให้ใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป
ติดตามรายละเอียดได้จาก http://goo.gl/SBmEDs
อียูให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่สินค้าไทยเพิ่มเติม
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยว่า สหภาพยุโรป (อียู) ได้ออกประกาศระเบียบปรับปรุงรายการสินค้าฝ่ายเดียวเป็นการชั่วคราว (Autonomous Tariff Suspension) ยกเว้นภาษีนำเข้าของไทยเพิ่มเติมหลายรายการ เป็นผลให้มีสินค้าที่ได้รับยกเว้นและลดหย่อนภาษีกว่า 2,000 รายการ
ติดตามรายละเอียดได้จาก http://goo.gl/U11cTt
คำพิพากษาฎีกาที่น่าสนใจ
คำพิพากษาฎีกาที่ 13936/2555
ระหว่าง นาย อ. โจทก์
กับ กรมสรรพากร จำเลย
เรื่อง เงินได้พึงประเมินประเภทเงินปันผล
การพิจารณาว่าเงินได้ประเภทใดเป็นเงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 40 (4) (ข) แห่งประมวลรัษฎากรซึ่งจะได้รับเครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ต้องได้ความว่าเงินได้นั้นต้องเป็นส่วนแบ่งกำไรจากการทำมาค้าได้ที่ห้างหุ้นส่วนจ่ายตอบแทนให้แก่ผู้เป็นหุ้นส่วนตามส่วนแห่งการลงหุ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1084 หากเป็นกำไรที่ยังไม่ได้แบ่งหรือเหลือจากการแบ่งย่อมไม่อาจถือเป็นเงินปันผลตามมาตรา 40 (4) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อเท็จจริงปรากฏว่า โจทก์ได้รับส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. จำนวน 66,188.86 บาท โจทก์จึงยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90) โดยใช้สิทธิเครดิตภาษีเงินปันผล แล้วขอคืนเงินภาษีจำนวน 12,436.44 บาท แต่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับส่วนแบ่งกำไรดังกล่าวในขณะที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. เลิกห้างและอยู่ระหว่างยื่นคำขอจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เงินได้นั้นจึงมิได้จ่ายตามหลักเกณฑ์การจ่ายเงินปันผลหรือส่วนแบ่งกำไรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1084 แต่เป็นเงินได้จากการเฉลี่ยแจกกำไรในระหว่างการชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1062 เงินที่โจทก์ได้รับจึงมิใช่เงินปันผลที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 40 (4) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งจะได้รับเครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร แต่เป็นผลประโยชน์ที่โจทก์ได้รับจากการที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดเลิกกัน เฉพาะส่วนที่ตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุนที่โจทก์ลงทุน อันเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) (ฉ) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งไม่มีสิทธิได้รับเครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิแห่งประมวลรัษฎากร
ความเห็นทางกฎหมายเพิ่มเติม
จากคดีข้างต้น มีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า เดิมทีห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. ประกอบกิจการขาดทุน ต่อมาห้างฯเลิกกัน และแบ่งกำไรที่เกิดขึ้นระหว่างการชำระบัญชีให้แก่ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน โดยมีประเด็นที่ต้องพิจารณาว่าส่วนแบ่งกำไรที่ได้รับดังกล่าว เป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (4) (ข) แห่งประมวลรัษฎากรอันสามารถนำมาเครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากรได้หรือไม่
ผู้เขียนเห็นว่าส่วนแบ่งกำไรที่สามารถนำมาเครดิตภาษีได้นั้นต้องเกิดจากการทำมาหาค้าได้ตามมาตรา 1084 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กล่าวคือ มาจากการประกอบกิจการจนมีกำไรเกิดขึ้น และแบ่งกำไรตามสัดส่วนที่ได้ลงทุนในกิจการ แต่หากกิจการขาดทุน กรณีจะไม่สามารถจ่ายเงินปันผลหรือส่วนแบ่งกำไรได้เลย
ในกรณีห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. เลิกกิจการและมีกำไรจากขั้นตอนสุดท้ายของการชำระบัญชี โดยการคืนทุนทรัพย์ตามที่หุ้นส่วนได้ลงหุ้นไว้นั้นกำไรที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นผลที่งอกเงยมาจากการขายทรัพย์สินที่หุ้นส่วนได้ลงทุน ไม่ใช่เกิดจากการดำเนินงานหรือประกอบกิจการของห้างฯ โดยตรงแต่อย่างใด ซึ่งกำไรที่เกิดขึ้นถือเป็นผลประโยชน์ที่ได้รับเนื่องจากห้างฯเลิกกิจการตาม มาตรา 40 (4) (ฉ) แห่งประมวลรัษฎากร และไม่มีกฎหมายบัญญัติให้สามารถนำไปเครดิตภาษีได้
ดังนั้น หากห้างหุ้นส่วนของท่านมีแผนที่จะเลิกกิจการในขณะที่กิจการยังมีกำไรท่านก็ควรที่จะจ่ายส่วนแบ่งกำไรแก่ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนให้หมดก่อนเลิกกิจการ เพื่อผู้เป็นหุ้นส่วนจะได้นำเงินส่วนแบ่งกำไรนั้นมาเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือนำไปแยกคำนวณต่างหากจากเงินได้พึงประเมินที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาภายในเดือนมีนาคมเพื่อเป็นการประหยัดการเสียภาษีอีกทางหนึ่ง
นางสาวชัชวลี ไมตรี
ที่ปรึกษาภาษีอากร
หากท่านมีคำถามหรือข้อสงสัยเพิ่มเติมใดๆเกี่ยวกับกฎหมายภาษีอากร สามารถติดต่อได้ที่ บริษัท สำนักกฎหมายธรรมนิติ จำกัด 2/2 อาคารภักดี ชั้น 2 ถนน วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 หรือโทรศัพท์ติดต่อได้ที่ 0-2680-9751, 0-2680-9753 Email: budhimak@dlo.co.th, sureelukt@dlo.co.th
บริการกฎหมายภาษีอากร :
1. งานให้คำปรึกษาภาษี
2. งานขอคืนภาษี
3. งานวางแผนภาษี
4. งานตรวจสอบภาษี
5. งานกรอกแบบแสดงรายการภาษี
6. งานให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่
7. งานอุทธรณ์การประเมินภาษี
8. งานคดีภาษีอากร
เป็นต้น
สอบถามบริการโปรดติดต่อ :