บริษัท สำนักกฎหมายธรรมนิติ จำกัด (“บริษัท”) ได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่สนใจใช้บริการ หรือผู้ที่มาติดต่อ (“ท่าน”) โดยบริษัทมีความมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความคุ้มครองและได้รับการปกป้องตามสิทธิและหน้าที่ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และเพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความคุ้มครองตามที่กฎหมายกำหนด บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัว (“ประกาศ”) ขึ้น เพื่อให้ท่านรับทราบถึงระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งแจ้งวิธีที่บริษัทจัดการกับข้อมูลส่วนบุคคล รวมไปถึงการลบและทำลายข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายคุ้มครองส่วนบุคคลกำหนดไว้ ดังนี้
บริษัทขอแนะนำให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจประกาศนี้ก่อนให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัท หากท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกาศนี้ ตลอดจนถึงประกาศและนโยบายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โปรดติดต่อบริษัทตามช่องทางการติดต่อที่ปรากฏท้ายประกาศนี้
๑. คำนิยาม
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
“การประมวลผลข้อมูล” หมายถึง การดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“บริษัทในเครือธรรมนิติ” หมายถึง บริษัท ธรรมนิติ จำกัด (มหาชน), บริษัท ฝึกอบรมและสัมมนาธรรมนิติ จำกัด, บริษัท สำนักพัฒนาการบริหารธรรมนิติ จำกัด, บริษัท ธรรมนิติ เพรส จำกัด, บริษัท ดีไอทีซี จำกัด, บริษัท สอบบัญชีธรรมนิติ จำกัด, บริษัท ธรรมนิติการบัญชีและภาษีอากร จำกัด และบริษัท ตรวจสอบภายในธรรมนิติ จำกัด
๒. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ชอบด้วยกฎหมาย โดยจัดเก็บข้อมูลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ของบริษัท จึงต้องแจ้งให้ท่านทราบถึงการเก็บ รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว เพื่อประโยชน์ต่อการใช้งาน หรือให้บริการแก่ท่าน โดยบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลเหล่านั้นไว้เป็นความลับ
โปรดทราบว่าหากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความจำเป็นต่อการให้บริการ การปฏิบัติตามสัญญา หรือการปฏิบัติตามกฎหมายแก่บริษัท อาจมีบางบริการที่บริษัทไม่สามารถให้บริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เกี่ยวกับ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ศาสนา ปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม จะอยู่ภายใต้ความยินยอมของท่าน เว้นแต่จะเป็นการเก็บ ใช้ เปิดเผย หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมตามกฎหมาย
๓. ข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวม
บริษัทเก็บ รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านหลายช่องทาง โดยแบ่งประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บ รวบรวมดังต่อไปนี้
๓.๑ ข้อมูลผู้สมัครงาน ข้อมูลพนักงาน ข้อมูลนักกฎหมายฝึกหัด ข้อมูลนักศึกษาฝึกงาน กรรมการบริษัท โดยเมื่อท่านสมัครงาน สมัครขอรับการฝึกงาน หรือเข้ามาเป็นลูกจ้าง หรือผู้ฝึกงานกับบริษัท บริษัทมีการจัดเก็บข้อมูลที่จำเป็น เช่น ชื่อ-สกุล เลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่ ประวัติการศึกษา ฯลฯ (โดยท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.dlo.co.th/policy/applicant-and-intern-privacy-notice ประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้สมัครงานและผู้สมัครเข้ารับการฝึกงาน และประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับพนักงาน ผู้ฝึกงานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ได้ในระบบไพศาล (Paisal) หรือระบบภายในของบริษัท)
๓.๒ ข้อมูลผู้ใช้บริการ เมื่อท่านติดต่อสอบถามข้อมูล หรือสนใจบริการของบริษัท หรือเมื่อท่านให้ความคิดเห็นข้อเสนอแนะ บริษัทมีการจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับท่าน เช่น ชื่อ-นามสกุล ชื่อบริษัท (องค์กร) ตำแหน่งงาน เบอร์โทรศัพท์ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) และที่อยู่ เป็นต้น
๓.๓ ข้อมูลผู้ที่เข้ามาติดต่อภายในบริษัท เมื่อท่านเข้ามาในพื้นที่ของบริษัท บริษัทมีการเก็บบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV) หรือกรณีที่ท่านเข้ามาติดต่อ (Visitor record) บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่เข้ามาติดต่อ เช่น ชื่อ นามสกุล จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) เบอร์โทรศัพท์ ข้อมูลยานพาหนะ เป็นต้น
๓.๔ ข้อมูลบุคคลภายนอกอื่นๆ เมื่อบริษัทจัด หรือเข้าร่วมกิจกรรมภายใน ภายนอกบริษัท การออกบูธ การสัมมนา หรือกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility: CSR) บริษัทมีการเก็บรายละเอียดข้อมูลผู้เข้าร่วมกิจกรรม, ประมวลภาพกิจกรรม หรือโครงการเพื่อใช้ในการจัดทำข่าวประชาสัมพันธ์ (PR) บนเว็บไซต์ หรือสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของบริษัท
๓.๕ ข้อมูลผู้ใช้บริการผ่านเว็บไซต์ บริษัทอาจจัดเก็บบันทึกข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ (Log Files) ของท่าน โดยจะจัดเก็บข้อมูล เช่น หมายเลขไอพี (IP Address) ประวัติการใช้งานเว็บไซต์ ข้อมูลการค้นหา ข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์ หรือเวลาการเข้าใช้งานเว็บไซต์ ทั้งนี้เป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๖ ที่กำหนดให้ผู้ให้ให้บริการต้องเก็บข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่า ๙๐ วันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
๓.๖ คุกกี้ (Cookies Policy) ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของคุกกี้ในนโยบายคุกกี้ได้ที่เว็บไซต์ https://www.dlo.co.th/policy/cookies
๔. ระยะเวลาการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายในระยะเวลาที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผล เพื่อใช้ติดต่อสื่อสารและดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของเจ้าของข้อมูลให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี หรือภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายระบุไว้ โดยมีมาตรการรักษาความปลอดภัยตามสมควรเพื่อป้องกันการเข้าถึง การรวบรวม การใช้ การเปิดเผย การทำสำเนา การดัดแปลง การกำจัดข้อมูล หรือความเสี่ยงในลักษณะเดียวกันโดยไม่ได้รับอนุญาต ในกรณีที่พ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวบริษัทจะดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวบุคคลทันที
๕. วัตถุประสงค์การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่ท่านได้ให้มาเพื่อดำเนินการตามความประสงค์ในการให้บริการตามธุรกรรมที่ตกลงระหว่างท่านกับบริษัท โดยทางบริษัทจะเก็บ รวบรวมข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
๕.๑ เพื่อใช้ในการสมัครงาน หรือสมัครฝึกงาน
๕.๒ เพื่อใช้ในการเสนอบริการ การให้บริการ หรือการเข้าทำสัญญากับท่าน
๕.๓ เพื่อติดต่อ หรือตอบคำถามตามที่ท่านร้องขอ
๕.๔ เพื่อรวบรวมข้อมูลเป็นฐานข้อมูลของบริษัท หรือข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์
๕.๕ การกระทำอื่นที่ท่านให้ความยินยอม
๕.๖ เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือข้อยกเว้นตามกฎหมาย
บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล [ฐานความยินยอม (Consent)] โดยบริษัทอาจรวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อเป็นสถิติและนำไปวิเคราะห์วิจัย เพื่อประโยชน์ทางการตลาด หรือเพื่อเสนอบริการใหม่ ๆ แต่หากท่านไม่ยินยอมให้บริษัทประมวลผลข้อมูลตามที่เคยให้ความยินยอมไว้ ท่านสามารถแจ้งความประสงค์มายังบริษัทได้ เว้นแต่การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวอยู่ภายใต้ข้อยกเว้นตามกฎหมายซึ่งบริษัทสามารถเก็บ รวบรวม และประมวลผลได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม ดังนี้
– ฐานสัญญา (Contract) เพื่อปฏิบัติตามสัญญา หรือได้รับข้อมูลเพื่อเข้าทำสัญญา เมื่อท่านติดต่อมายังบริษัทผ่านทางเว็บไซต์ ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) โทรศัพท์ หรือทางอื่นใด บริษัทจะนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปประมวลผลเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนการเข้าทำสัญญา หรือปฏิบัติตามสัญญาเกี่ยวกับการให้บริการ เพื่อให้การติดต่อ การเสนอบริการ หรือการปฏิบัติหน้าที่ในการให้บริการตามสัญญาสำเร็จลุล่วง
– ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest) บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย อาทิ การบันทึกภาพวงจรปิด (CCTV) เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัย การบริหารความเสี่ยง หรือการจัดการอื่นใดอันเป็นประโยชน์โดยชอบธรรมของบริษัทหรือของบุคคลอื่น
– ฐานประโยชน์สำคัญต่อชีวิต (Vital Interest) บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพ อาทิ การติดต่อฉุกเฉิน การควบคุมป้องกันโรคติดต่อ
– ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation) บริษัทอาจประมวลผลเพื่อปฏิบัติตามบทบัญญัติกฎหมาย กฎระเบียบ หรือคำสั่งผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย อาทิ กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายประกันสังคม กฎหมาย คอมพิวเตอร์ กฎหมายภาษีอากร หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัท
๖. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ขอบเขตที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ หรือที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัท โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่หน่วยงาน ดังต่อไปนี้
๖.๑ บริษัทในเครือ บริษัทอาจส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านระหว่างบริษัทในเครือธรรมนิติด้วยกัน เพื่อการให้บริการแก่ท่านเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ หรือเพื่อสิทธิประโยชน์ของลูกค้า โดยข้อมูลที่อาจส่งต่อรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงชื่อลูกค้า ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร อีเมล ชื่อบริษัท (องค์กร) ตำแหน่งงาน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ
๖.๒ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย อาทิ กรมสรรพากร ธนาคาร ศาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือหน่วยงานราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์ของบริษัทอาจมีลิงก์ไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ โปรดทราบว่าบริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการปฏิบัติเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้โดยเว็บไซต์อื่น นอกเหนือจากเว็บไซต์ของบริษัทเอง
๗. การรักษาความมั่นคงปลอดภัย
บริษัทมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองของบริษัทที่เหมาะสม มีความปลอดภัย เป็นความลับ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ ดัดแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนี้
๗.๑ บริษัทจำกัดคนเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลไว้สำหรับพนักงาน ลูกจ้างที่จำเป็นต้องทราบข้อมูลนั้นเพื่อทำการประมวลผลข้อมูล โดยที่บุคคลเหล่านั้นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับตามสัญญาของบริษัทอย่างเข้มงวด
๗.๒ ในกรณีที่บริษัทว่าจ้างบริษัทอื่น ๆ เพื่อให้บริการในนามของบริษัทและมอบหมายให้บริษัทเหล่านั้นรับผิดชอบในการจัดการกับข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะเลือกผู้รับจ้างช่วงที่เหมาะสมและกำหนดให้บริษัทดังกล่าวลงนามในข้อตกลงทั้งหมดที่จำเป็นเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
๗.๓ บริษัทใช้การเข้ารหัสแบบ Secure Sockets Layer (SSL) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการส่งผ่านข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นไปอย่างปลอดภัย
๘. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิตามกฎหมายดังต่อไปนี้ และในกรณีที่ท่านประสงค์ใช้สิทธิท่านสามารถแจ้งให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษร โดยกรอก “แบบคำร้องขอใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Information Request Form)” และส่งทางไปรษณีย์ ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) : info@dlo.co.th หรือทางโทรสาร (๐๒) ๖๘๐ ๙๗๑๑ เพื่อแจ้งความประสงค์ดังกล่าว
๘.๑ สิทธิการเพิกถอนความยินยอม ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านเคยให้ความยินยอมไว้กับบริษัทได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความครอบครองของบริษัท และบริษัทจะแจ้งให้ทราบถึงผลของการเพิกถอนความยินยอมภายหลังจากที่บริษัทได้รับคำร้องขอเพิกถอนดังกล่าว
ทั้งนี้ การขอถอนความยินยอมของท่านไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บ รวบรวม ใช้ และหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบ
๘.๒ สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวส่งต่อให้แก่ท่าน รวมถึงมีสิทธิขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยได้
๘.๓ สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บ รวบรวม ใช้ และหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในเวลาใดก็ได้ ในกรณีที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บ รวบรวม ใช้ และหรือเปิดเผยได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ หรือสถิติ
ทั้งนี้ บริษัทสามารถปฏิเสธคำร้องขอได้หากเป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือในกรณีที่บริษัทแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้อง การใช้สิทธิเรียกร้อง หรือการปฏิบัติตามกฎหมาย
๘.๔ สิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิที่จะขอรับข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่านในรูปแบบที่สามารถอ่าน หรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงมีสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
๘.๕ สิทธิในการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านอาจขอให้บริษัทลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคล หากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือเมื่อท่านถอนความยินยอม หรือมีเหตุให้เชื่อว่าบริษัทได้เก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
๘.๖ สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทอยู่ในระหว่างการดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ท่านร้องขอ แต่หากกรณีข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบ หรือทำลาย หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอีกต่อไป ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน หรือขอให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้อง การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้อง หรือยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายก็ได้
๘.๗ สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบันสมบูรณ์ครบถ้วน และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
๘.๘ สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน เมื่อมีเหตุให้เชื่อได้ว่าบริษัทมีการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เมื่อท่านหรือตัวแทนโดยชอบของท่านได้ยื่นคำร้องขอใช้สิทธิ บริษัทจะดำเนินการตามคำร้องขอของท่านเท่านั้น เว้นแต่มีข้อจำกัด หรือเหตุอันสมควรในการปฏิเสธตามกฎหมาย ทั้งนี้ บริษัทจะชี้แจงเหตุผลในการปฏิเสธคำร้องขอของท่านให้ทราบอย่างชัดเจน
โปรดทราบว่าทางบริษัทอาจมีการส่งต่อ หรือเปิดเผยคำร้องดังกล่าวไปยังบริษัทในเครือธรรมนิติ เพื่อให้การปฏิบัติตามคำร้องของท่านเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทจะเก็บ รวบรวมข้อมูลดังกล่าวจนกว่าการโต้แย้งหรือการดำเนินการตามคำร้องดังกล่าวจะสิ้นสุดลง
๙. ติดต่อบริษัท
บริษัท สำนักกฎหมายธรรมนิติ จำกัด
เลขที่ ๒/๒ อาคารภักดี ชั้น ๒ ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๓๐
โทรศัพท์ : (๐๒) ๖๘๐-๙๗๗๗
โทรสาร : (๐๒) ๖๘๐-๙๗๑๑
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) : info@dlo.co.th
หมายเหตุ :
– การเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว ทางบริษัทอาจดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เพื่อให้สอดคล้องครอบคลุมตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่น ๆ กำหนด ทั้งนี้บริษัทจะประกาศบนเว็บไซต์พร้อมระบุวันที่แก้ไขเพิ่มเติมครั้งล่าสุด
วันที่แก้ไขล่าสุด ๒๓ เมษายน ๒๕๖๘
เว้นแต่ระบุเงื่อนไขไว้เป็นอย่างอื่น เฉพาะงานสร้างสรรค์ของเว็บนี้ อนุญาตให้นำไปใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า ๓.๐