รวมภาระภาษีที่ผู้ลงทุนในกองทุนรวมต้องรู้
สุวัชรีภรณ์ สีพลลา
บริษัท สำนักกฎหมายธรรมนิติ จำกัด
โลกปัจจุบันเป็นโลกของการแข่งขันทางการค้าและการลงทุน นักลงทุนจึงแสวงหาทางเลือกในการลงทุนที่เหมาะสม การลงทุนใน “กองทุนรวม” (Mutual Fund) จึงนับเป็นทางเลือกหนึ่งและเป็นเครื่องมือในการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนรายย่อยที่มีความประสงค์จะนำเงินมาลงทุนในตลาดเงินตลาดทุน แต่ติดด้วยข้อจำกัดบางประการที่ทำให้ไม่สามารถลงทุนได้ด้วยตนเอง เช่น มีทุนทรัพย์จำกัดที่จะกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง หรือไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการลงทุน เป็นต้น นักลงทุน จึงเลือกลงทุนในกองทุนรวม เพราะบริหารโดยผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญไปดำเนินการลงทุนแทนตนเอง เพราะกองทุนรวมคือการรวบรวมเงินทุนจากนักลงทุนรายย่อย เป็นเงินก้อนใหญ่ แล้วนำเงินที่รวบรวมนั้นไปลงทุนในตลาดเงินตลาดทุน โดยมี บริษัทจัดการกองทุน (Investment Company) ซึ่งเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากกองทุนรวมเป็นผู้ทำหน้าที่บริหารจัดการและลงทุนแทน นักลงทุน (หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ผู้ถือหน่วยลงทุน (Unit Holder)) โดยบริษัทจัดการกองทุนจะออกหนังสือชี้ชวนเพื่อให้ นักลงทุนพิจารณาประกอบการตัดสินใจลงทุน หลังจากนั้นจึงออกและเสนอขายหน่วยลงทุนให้แก่นักลงทุน ซึ่งหน่วยลงทุนจะเป็นหลักฐานยืนยันความเป็นเจ้าของเงินลงทุนของนักลงทุน เมื่อบริษัทจัดการกองทุนบริหารจัดการจนกองทุนมีผลประโยชน์งอกเงยแล้ว ก็จะนำผลประโยชน์ดังกล่าวมาจ่ายคืนให้กับนักลงทุนตามสัดส่วนที่ได้ลงทุน นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้ง ผู้ดูแลผลประโยชน์ (Trustee) ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทบริหารจัดการกองทุนมาทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของนักลงทุนด้วย ทั้งนี้ โครงสร้างของกองทุนรวมปรากฏตามแผนภาพดังต่อไปนี้
อย่างไรก็ตาม นอกจากความเสี่ยงในการลงทุนแล้ว สิ่งที่นักลงทุนมักกังวลและให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือ ภาระภาษีจากการลงทุนที่นักลงทุนใช้ชั่งน้ำหนักว่าผลตอบแทนที่จะได้รับนั้นคุ้มค่าหรือไม่เพียงไร ซึ่งภาระภาษีของการลงทุนจะเป็นอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นใครและได้รับผลตอบแทนอะไร ซึ่งมีดังนี้
1. กำไรหรือมูลค่าเพิ่มจากการลงทุน หรือเงินได้จากการขายหน่วยลงทุน (Capital Gains) เช่น ซื้อหน่วยลงทุนไว้ในราคา 10 บาท ต่อมานักลงทุนขายหน่วยลงทุนในราคา 15 บาทต่อหน่วย ย่อมมีกำไรจำนวน 5 บาทต่อหน่วย
2. เงินปันผล (Dividend) คือ กำไรที่บริษัทแบ่งจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท กรณีที่มีการระบุในหนังสือชี้ชวนให้ลงทุนของกองทุนรวมว่าเป็นกองทุนรวมที่มีการจ่ายเงินปันผลและได้ประกาศจ่ายเงินปันผลนั้น เงินปันผลที่นักลงทุนได้รับนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งรายได้ที่พึงได้รับจากการลงทุนในกองทุนรวม
โดยภาระภาษีของการลงทุนในกองทุนรวมจะเป็นอย่างไรนั้น อาจพิจารณาได้ใน 2 มิติ คือ
1. ในแง่กองทุนรวม
2. ในแง่นักลงทุน
2.1) กรณีนักลงทุนเป็นบุคคลธรรมดา
(1) กรณีนักลงทุนเป็นบุคคลธรรมดาผู้อยู่ในประเทศไทย (นักลงทุนไทย)
(2) กรณีนักลงทุนเป็นบุคคลธรรมดาซึ่งไม่ได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย (นักลงทุนต่างชาติ)
2.2) กรณีนักลงทุนเป็นนิติบุคคล
(1) กรณีนักลงทุนเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งตามกฎหมายไทย (บริษัทไทย)
(2) นักลงทุนเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งตามกฎหมายต่างประเทศ (บริษัทต่างชาติ)
• กรณีผลตอบแทนที่ได้รับเป็น “Dividend” หากบริษัทต่างชาติประกอบกิจการในประเทศไทย ต้องนำเงินปันผลที่ได้รับจากกองทุนรวมดังกล่าวมารวมคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล
แต่หากบริษัทต่างชาติไม่ได้ประกอบกิจการในประเทศไทย กองทุนรวมไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีนำส่งกรมสรรพากร เนื่องจากเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) ผู้จ่ายเงินได้ไม่ต้องหักภาษีตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร
ตารางสรุปภาระภาษีของสิทธิประโยชน์ที่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับจากกองทุนรวม
ผู้ถือหน่วยลงทุน | ||||||
บุคคลธรรมดา | นิติบุคคล | |||||
อยู่ในไทย | ไม่ได้อยู่ในไทย | บริษัทไทย | บริษัทต่างชาติ | |||
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ | ไม่จดฯ ในตลาดหลักทรัพย์ | ประกอบกิจการในไทย | ไม่ประกอบกิจการในไทย | |||
Capital Gains | ได้รับยกเว้น | ได้รับยกเว้น | นำมารวมคำนวณภาษีเงินได้ | นำมารวมคำนวณภาษีเงินได้ | นำมารวมคำนวณภาษีเงินได้ | ได้รับยกเว้น |
Dividend | เลือก – หักภาษี ณ ที่จ่าย 10% หรือ – นำมารวมคำนวณภาษีเงินได้ แต่ไม่ได้รับเครดิตภาษี | ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้ | ได้รับยกเว้นภาษีทั้งจำนวน * | ได้รับยกเว้นภาษีกึ่งหนึ่ง * | นำมารวมคำนวณภาษีเงินได้ | ได้รับยกเว้น |
* จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีก็ต่อเมื่อ ถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 3 เดือนก่อนและหลังจากวันที่กำหนดสิทธิที่จะได้รับเงินปันผลของผู้ถือหน่วยลงทุน
ผู้เขียนหวังว่าข้อมูลที่นำเสนอมานี้จะช่วยให้ท่านผู้อ่านสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น และพิจารณาลงทุนในกองทุนรวมได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น
1 เทียบเคียง กค 0811/4725 ลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2544 และ กค 0811/11339 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2542
2 มาตรา 42 (17) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ข้อ 2 (32)
3 กองทุนรวมที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งไม่ใช่กองทุนรวมที่เป็นนิติบุคคลตามความหมายของมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร
4 พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 262) พ.ศ. 2536 ประกอบคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 119/2545 ข้อ 5
5 มาตรา 42 (17) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ข้อ 2 (32)
6 พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 262) พ.ศ. 2536
7 มาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร
8 พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 263) พ.ศ. 2536 ประกอบคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 119/2545 ข้อ 7
9 เทียบเคียง กค 0706/11294 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2550 และ กค 0811/2802 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2544
10 มาตรา 66 วรรค 2 แห่งประมวลรัษฎากร
11 เทียบเคียง กค 0811/11339 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2542