จดหมายข่าวภาษีสำนักกฎหมายธรรมนิติ
DLO’S Tax Newsletter
ฉบับที่ 62 เดือนมกราคม 2559
กฎหมายใหม่ล่าสุด
ยกเว้นการตรวจสอบ ประเมินภาษีสำหรับ SMEs ที่เข้าโครงการบัญชีเดียว
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกพระราชกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทในรอบบัญชีที่ผ่านมาและมีกำหนดครบ 12 เดือน โดยวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดก่อนหรือในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ได้รับยกเว้นจากการตรวจสอบ ไต่สวน ประเมินหรือสั่งให้เสียภาษีอากร และความรับผิดทางอาญาตามประมวลรัษฎากร สำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นในรอบบัญชีที่มีวันเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559 หรือมูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559 อย่างไรก็ดีไม่รวมถึงบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่อยู่ระหว่างถูกเจ้าพนักงานตรวจสอบก่อนพระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ อยู่ในระหว่างการดำเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวน ชั้นพนักงานอัยการ หรือชั้นศาล นิติบุคคลที่ออกหรือใช้ใบกำกับภาษีปลอม หรือแสดงรายจ่ายอันเป็นเท็จต่อกรมสรรพากร
ทั้งนี้ การได้รับยกเว้นการตรวจสอบต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดและให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป
ในการนี้ กรมสรรพากรได้ออกคำชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ที่จะได้รับยกเว้นการตรวจสอบดังกล่าว เช่น ลักษณะของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล การนับรอบระยะเวลาบัญชี ประเภทภาษีที่จะได้รับการยกเว้นการตรวจสอบ เป็นต้น
ติดตามรายละเอียดได้จาก http://goo.gl/9s3B6v , http://goo.gl/UwxGDP , http://goo.gl/H19djc และ http://goo.gl/VuMXxQ
ยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้สำหรับ SMEs ที่เข้าโครงการบัญชีเดียว
คณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกพระราชกฤษฎีกายกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งขึ้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559 และมีทุนที่ชำระแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาทซึ่งมีรายได้จากการขายสินค้าและให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท (SMEs) โดยได้เข้าโครงการ SMEsบัญชีเดียวและยังไม่เป็นผู้ถูกเพิกถอนตามโครงการดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ดังนี้
ยกเว้นภาษีเงินได้
(1) สำหรับกำไรสุทธิสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2559 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2559
(2) สำหรับกำไรสุทธิเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาทสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2560 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2560
ลดอัตราภาษีเงินได้
ให้ลดอัตราภาษีเงินได้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (2) เหลือร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิเฉพาะส่วนที่เกิน 300,000 บาท สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2560 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2560
ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดและให้มีผลตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2559 เป็นต้นไป
ติดตามรายละเอียดได้จาก http://goo.gl/NmVK1J
ข่าวภาษี
สรรพากรเล็งเสนอออกกฎหมายลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
อธิบดีกรมสรรพากรเปิดเผยว่ากรมสรรพากรเสนอนโยบายลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อรมว.คลังเห็นชอบและให้มีผลใช้บังคับสำหรับรายได้ปี 2560 โดยมีสาระสำคัญคือ ลดอัตราภาษี เพิ่มสิทธิหักค่าใช้จ่าย การเพิ่มสิทธิหักค่าลดหย่อนในส่วนของบุตรและเพิ่มสิทธิหักค่าลดหย่อนอื่นๆ ซึ่งหากมีการออกกฎหมายดังกล่าวจะเป็นผลให้ผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 ต่อเดือนไม่มีภาระภาษี
ติดตามรายละเอียดได้จาก http://goo.gl/TvTzh8
คำพิพากษาฎีกาที่น่าสนใจ
คำพิพากษาฎีกาที่ 8675/2558 (ประเด็นการคิดดอกเบี้ยจากการขอคืนภาษี)
ระหว่าง นาง ส. โจทก์
กับ กรมสรรพากร จำเลย
เรื่อง ดอกเบี้ยที่จะให้แก่ผู้ได้รับคืนเงินภาษีอากร
โจทก์เป็นพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ต่อมาธนาคารได้มีโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดซึ่งโจทก์สมัครเข้าร่วมโครงการและได้รับอนุญาตให้ลาออก โจทก์ได้รับเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจากโครงการดังกล่าวซึ่งได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42(17) แห่งประมวลรัษฎากรประกอบข้อ 2(36) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ.2509) และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับ 52) โดยได้หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว เป็นเหตุให้มีภาษีที่ชำระไว้เกิน โจทก์จึงขอคืนภาษีพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือนนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดระยะเวลา 3 เดือนนับแต่วันสิ้นกำหนดระยะเวลายื่นแบบแสดงรายการ จนถึงวันที่ลงในหนังสือแจ้งคำสั่งคืนเงินตามข้อ 1 แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ 161 (พ.ศ. 2526)
ข้อเท็จจริงปรากฏว่าเจ้าพนักงานมีหนังสือขอให้โจทก์ส่งมอบเอกสารข้อบังคับของธนาคารภายในวันที่ 3 มีนาคม 2554 โจทก์ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานภายในเวลาที่กำหนด แต่กลับส่งมอบเอกสารภายหลังเวลาดังกล่าวโดยมิได้ร้องขอขยายระยะเวลาจากอธิบดีกรมสรรพากร โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยตั้งแต่วันสุดท้ายของเวลาที่เจ้าพนักงานสั่งคือวันที่ 3 มีนาคม 2554 ตามข้อ 2 วรรคท้ายแห่งกฎกระทรวงฉบับที่ 161 (พ.ศ. 2526) ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดระยะเวลา 3 เดือนของวันสิ้นกำหนดระยะเวลาการยื่นแบบแสดงรายการจนถึงวันที่ 2 มีนาคม 2554 เท่านั้น
ความเห็นทางกฎหมายเพิ่มเติม
จากคดีข้างต้น โจทก์ขอคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้กรมสรรพากรคืนเงินภาษีให้แก่โจทก์ แต่ประเด็นสำคัญแห่งคดียังมีเรื่องเหตุที่โจทก์ถูกตัดสิทธิในการได้รับดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2554 เป็นต้นไปนั้น เนื่องจากโจทก์ไม่ได้ส่งเอกสารสำคัญที่จะฟังว่าการสิ้นสุดการทำงานของโจทก์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ จากผลของคำพิพากษาศาลฎีกาข้างต้นน่าจะเป็นข้อเตือนใจสำหรับผู้ขอคืนภาษีว่าหากเกิดเหตุที่ตนไม่สามารถนำส่งเอกสารให้เจ้าพนักงานได้ภายในเวลาที่กำหนด ก็ควรยื่นคำร้องต่ออธิบดีกรมสรรพากรเพื่อขอขยายระยะเวลาการส่งมอบเอกสารก่อนครบกำหนดส่งมอบ ซึ่งหากได้รับการอนุมัติให้ขยายเวลา ก็จะถูกตัดสิทธิการได้รับดอกเบี้ยเพียงระหว่างระยะเวลาที่อธิบดีขยายให้จนถึงวันที่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน ไม่ได้ถูกตัดสิทธิการคิดดอกเบี้ยนับแต่วันไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานตามนัยของคำพิพากษาฎีกาข้างต้น ทั้งนี้ ตามข้อ 2 วรรคสามแห่งกฎกระทรวงฉบับที่ 161 (พ.ศ. 2526)
นายธรดล จันทรศัพท์
ที่ปรึกษาภาษีอากร
หากท่านมีคำถามหรือข้อสงสัยเพิ่มเติมใดๆเกี่ยวกับกฎหมายภาษีอากร สามารถติดต่อได้ที่ บริษัท สำนักกฎหมายธรรมนิติ จำกัด 2/2 อาคารภักดี ชั้น 2 ถนน วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 หรือโทรศัพท์ติดต่อได้ที่ 0-2680-9751, 0-2680-9753 Email: budhimak@dlo.co.th, sureelukt@dlo.co.th
บริการกฎหมายภาษีอากร :
1. งานให้คำปรึกษาภาษี
2. งานขอคืนภาษี
3. งานวางแผนภาษี
4. งานตรวจสอบภาษี
5. งานกรอกแบบแสดงรายการภาษี
6. งานให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่
7. งานอุทธรณ์การประเมินภาษี
8. งานคดีภาษีอากร
เป็นต้น
สอบถามบริการโปรดติดต่อ :