ถอดคำพิพากษาภาษี EP7 อากรแสตมป์

ถาม : สัญญากู้ยืมเงินไม่ปิดอากรแสตมป์ หรือปิดอากรแสตมป์แต่ไม่ได้ขีดฆ่า จะรับฟังเป็นพยานหลักฐานเพื่อให้จำเลยรับผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 ได้หรือไม่ ? และอย่างไร ?

ตอบ : สัญญากู้ยืมเงินเป็นตราสารประเภทหนึ่งที่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามข้อ 5 แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ซึ่งหากไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ หรือปิดอากรแสตมป์แต่ไม่ได้ขีดฆ่า จะถือว่าเป็นตราสารที่ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ตามมาตรา 103 แห่งประมวลรัษฎากร อันเป็นผลให้ไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งตามมาตรา 118 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น ในการฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 แม้ว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้แก่ผู้เสียหาย แต่เมื่อหนี้เงินกู้ดังกล่าวไม่มีหลักฐานหนังสือ จึงเป็นหนี้ที่ไม่สามารถบังคับได้ตามกฎหมาย เนื่องจากการออกเช็คของจำเลยขาดองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5477/2543 เมื่อสัญญากู้ยืมเงินอันเป็นตราสารที่โจทก์อ้างเป็นพยานมิได้ปิดอากรแสตมป์จึงต้องห้ามมิให้นำมารับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งตามประมวลรัษฎากรมาตรา 118 เสมือนว่าการกู้ยืมเงินระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ ผู้เสียหายจะนำสัญญากู้ยืมเงินมาฟ้องบังคับจำเลยให้คืนเงินแก่ตนมิได้ หนี้ดังกล่าวจึงเป็นหนี้ที่ไม่สามารถบังคับได้ตามกฎหมาย แม้ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้แก่ผู้เสียหาย แต่เมื่อหนี้นั้นไม่สามารถบังคับได้ตามกฎหมาย การออกเช็คของจำเลยจึงขาดองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ. เช็คฯ มาตรา 4

คำพิพากษาฎีกาที่ 5829/2540 เมื่อสัญญากู้ยืมเงินอันเป็นตราสารที่โจทก์อ้างเป็นพยานได้ปิดอากรแสตมป์แล้วแต่ไม่มีการขีดฆ่าอากรแสตมป์ จึงถือว่าสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 118 แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าจำเลยเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ตามเช็คและออกเช็คชำระหนี้ให้แก่ผู้เสียหายก็ตาม แต่เมื่อหนี้นั้นไม่สามารถบังคับได้ตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงขาดองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.เช็คฯ มาตรา 4 ไม่เป็นความผิดตามฟ้อง