• ธรรมนิติ
  • /
  • ข่าว
  • /
  • ครม.ไฟเขียวลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจากร้อยละ23เหลือร้อยละ20 มีผล1ม.ค.2556

ครม.ไฟเขียวลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจากร้อยละ23เหลือร้อยละ20 มีผล1ม.ค.2556

(18ก.ย.55) เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 530) พ.ศ. 2554) ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

ทั้งนี้ เนื่องจากในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีตามพระราชกฤษฎีกาในข้อ 1. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอาจมีรอบระยะเวลาบัญชีเกินกว่าหนึ่งรอบระยะเวลาบัญชีในช่วงระยะเวลาระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555 และมีรอบระยะเวลาบัญชีเกินกว่าสองรอบระยะเวลาบัญชีในช่วงระยะเวลาระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2557 จึงทำให้นิติบุคคลดังกล่าวไม่สามารถได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย จึงจำเป็นต้องปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 530) พ.ศ. 2554 โดยไม่ต้องกำหนดจำนวนรอบระยะเวลาบัญชีที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ และปรับปรุงการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้สอดคล้องกันด้วย

สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา

1. กำหนดให้ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลและคงจัดเก็บในอัตราดังต่อไปนี้

1.1 ร้อยละ 23 ของกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555

1.2 ร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2557

2. กำหนดให้ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท สำหรับกำไรสุทธิในส่วนที่เกิน 1 ล้านบาท ดังต่อไปนี้

2.1 ร้อยละ 23 ของกำไรสุทธิ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555

2.2 ร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป

 

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ